ประวัติบริษัท

    บริษัท ทิพย กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) (“บริษัทฯ” หรือ “TIPH”) จดทะเบียนจัดตั้งในรูปแบบบริษัทมหาชนจำกัด เมื่อวันที่ 31 กรกฎาคม 2563 เพื่อประกอบธุรกิจหลักโดยการถือหุ้นในบริษัทอื่น (Holding Company) ซึ่งมีธุรกิจหลักคือธุรกิจประกันภัย ประกอบด้วย ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย ธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ และธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยสำหรับกลุ่มธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจประกันภัย บริษัทฯ จะพิจารณาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจที่ส่งเสริมธุรกิจประกันภัยและ/หรือ ธุรกิจที่มีผลตอบแทนสูงโดยภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและการจัดการแล้วเสร็จ บริษัทฯจะมีการลงทุนในบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักคือ บริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) (“ทิพยประกันภัย” หรือ “TIP”) ซึ่งประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย

    ทิพยประกันภัย จดทะเบียนจัดตั้งในรูปแบบบริษัทจำกัด ภายใต้ชื่อ บริษัท ประกันภัยเอเชียติ๊ค จำกัด เมื่อวันที่ 9 พฤศจิกายน 2494 โดยมีวัตถุประสงค์ในการประกอบธุรกิจประกันวินาศภัย ต่อมาเปลี่ยนชื่อเป็น บริษัท รัชตประกันภัย จำกัด ณ วันที่ 8 กันยายน 2495 และบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด ณ วันที่ 27 พฤศจิกายน 2496 ตามลำดับ หลังจากนั้น ได้ดำเนินการจดทะเบียนแปรสภาพเป็นบริษัทมหาชนจำกัด ต่อกรมทะเบียนการค้า กระทรวงพาณิชย์ พร้อมทั้งเปลี่ยนชื่อเป็นบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (มหาชน) ตั้งแต่วันที่ 18 ตุลาคม 2538 และได้เริ่มซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย เป็นครั้งแรกในวันที่ 24 กรกฎาคม 2539 ภายใต้ชื่อย่อ “TIP” โดยประกอบธุรกิจให้บริการประกันวินาศภัย 4 ประเภทหลัก ได้แก่ การประกันอัคคีภัย การประกันภัยทางทะเลและขนส่ง การประกันภัยรถยนต์ และการประกันภัยเบ็ดเตล็ดและธุรกิจลงทุนตามพระราชบัญญัติประกันวินาศภัยภายใต้การควบคุมของสำนักงานคณะกรรมการกำกับและส่งเสริมการประกอบธุรกิจประกันภัย โดยนำเงินที่เหลือจากธุรกิจประกันภัยไปลงทุนในรูปแบบต่างๆ

    บริษัทฯได้ตั้งเป้าหมายเป็นกลุ่มธุรกิจประกันภัยชั้นนำในภูมิภาค โดยมีกลยุทธ์การดำเนินธุรกิจในอนาคตภายหลังการปรับโครงสร้างการถือหุ้นและ การจัดการด้วยการลงทุนในธุรกิจประกันภัยและธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับประกันภัยทั้งในและต่างประเทศ ผ่านการแยกธุรกิจที่มีศักยภาพออกเป็นบริษัทใหม่ (Spin-Off) การสร้างพันธมิตรเชิงกลยุทธ์ (Strategic Alliance) การจัดตั้งบริษัทร่วมทุน (Joint Venture) และ/หรือการควบรวมและการเข้าซื้อกิจการ (Mergers and Acquisitions) แบ่งตามสายธุรกิจหลักได้ดังนี้

1. ธุรกิจประกันวินาศภัยในประเทศไทย (Non-Life Insurance)

    จะยังคงมีธุรกิจหลักเป็นการลงทุนในทิพยประกันภัยและจะดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการสร้างมูลค่าเพิ่มต่อกิจการโดยการแยกธุรกิจที่มีศักยภาพออกไปเป็นบริษัทประกันภัยใหม่ (Spin-Off) เพื่อเพิ่มความสามารถในการแข่งขันและจำกัดความเสี่ยง

2. ธุรกิจประกันชีวิตในประเทศไทย (Life Insurance)

    เนื่องจากทิพยประกันภัยซึ่งจะเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักของบริษัท จะยังคงมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ทิพยประกันชีวิตจำกัด (มหาชน) โดยอาจพิจารณาปรับโครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าวในอนาคตตามความเหมาะสม

3. ธุรกิจประกันภัยในต่างประเทศ (International Insurance)

    ทิพยประกันภัย ซึ่งจะเป็นบริษัทย่อยที่ประกอบธุรกิจหลักของบริษัทจะยังคงมีสถานะเป็นผู้ถือหุ้นของบริษัท ทิพยประกันภัย จำกัด (สปป.ลาว) โดย บริษัทฯอาจพิจารณาปรับโครงสร้างการถือหุ้นดังกล่าวในอนาคตตามความเหมาะสม นอกจากนี้ บริษัทจะดำเนินการศึกษาความเป็นไปได้ในการขยายการลงทุนในธุรกิจประกันภัยไปยังประเทศกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม (กลุ่ม CLMV) และ/หรืออาเซียน ที่มีศักยภาพในการเติบโต เพื่อสร้างโอกาสทางธุรกิจเพิ่มเติม

4. ธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย (Insurance Related)

    บริษัทฯจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัย ซึ่งเป็นธุรกิจหลักของทิพยประกันภัยให้มีความแข็งแกร่งมากขึ้น

    สำหรับกลุ่มธุรกิจอื่นนอกเหนือจากธุรกิจประกันภัย บริษัทฯจะพิจารณาความเป็นไปได้ในการลงทุนในธุรกิจที่ส่งเสริมธุรกิจประกันภัย และ/หรือ มีผลตอบแทนที่สูง ทั้งนี้ บริษัทฯอาจพิจารณาปรับโครงสร้างการถือหุ้นของกลุ่มบริษัทในอนาคตเพิ่มเติมตามความเหมาะสม โดยจะยังคงมุ่งเน้นในการลงทุนในบริษัทที่ทำธุรกิจที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจประกันภัยเป็นหลัก